Jebel Shams, the Mountain of the Sun

Jebel Shams and Jebel Akhdar

Jebel Akhdar

Jebel Akhdar หรือ Green Mountain หลายๆคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นชื่อภูเขาลูกไหน แต่จิงๆแล้ว Jebel Akhdar นั้นเอาไว้เรียกที่ราบสูงแถวนั้นทั้งหมด ซึ่งที่ราบสูงแถวนั้นจะมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2000 เมตร นอกจากนั้นพื้นที่แถวนี้ยังได้รับอากาศเย็นมากกว่าที่อื่น ซึ่งในช่วงหน้าหนาวบางทีหนาวถึง ติดลบ 5 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว และพื้นที่แถบนี้ก็ยังได้รับปริมาณน้ำฝนมากกว่าที่อื่นอีกด้วย จึงทำให้พื้นที่แถวนี้สามารถทำการเพาะปลูกได้อย่างดี

ในระหว่างที่เราเดินทางไป Jebel Shams เพื่อไปพักที่ Jebel Shams Resort เราก็ได้ขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ และอากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ ประกอบกับทั้งที่ว่าตอนนั้นพระอาทิตย์ใกล้จะตก เราจึงมองเห็นวิวสวยงามของเทือกเขาเป็นเงาๆ ผ่านแสงอาทิตย์สีส้มอันสวยงาม ส่วนถนนนั้นเป็นถนนที่เริ่มจะเป็นลูกลัง ดังนั้นจึงควรจะต้องมี 4WD เพื่อขับขึ้นไปบนเขา

Jebel Shams

Jebel Shams เป็นชื่อของภูเขาที่สูงที่สุดในโอมาน และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Al Hajar แต่ที่นี่ไม่ได้โด่งดังในเรื่องความสวยงามของเขา แต่เป็นความสวยงามของ Grand Canyon ซึ่งมีความยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากเมื่อเราได้ไปยืนอยู่ที่ริมผาแล้ว จนทำให้เราขาสั่นแน่ นอกจากนั้นที่นี่ยังถูกขนานนามว่าเป็น Grand Canyon ที่ใหญ่และลึกเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และยังเป็น Grand Canyon of Arabia จากบนผาตัดลงไปถึงข้างล่างแล้วนั้นมีความสูงกว่า 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว

เมื่อเราขับรถขึ้นมา เราก็ขับตามป้าย Jebel Shams Resort ซึ่งเราก็จะผ่านหลายๆ Resort มาจน Jebel Shams Resort เป็นอันสุดท้าย Resort นี่ตั้งอยู่ใกล้กับ Grand Canyon เป็นอย่างมาก และที่ Resort นี้มีบ้านพักหลากหลายแบบให้เลือก และเมื่อพวกเรามาถึงเราก็ Check In และรับประทานอาหารเย็นซึ่งรวมอยู่ในราคาห้องพักแล้ว เมื่อทานอาหารเส็ดพวกเราก็ออกมาเดินเล่นกันในบรรยากาศที่มืดสนิท อากาศกำลังสบาย ประมาณ 18 องศาเซลเซียส และเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ต้องอดประหลาดใจไม่ได้ ที่เราสามารถเห็นดวงดาวมากมายได้อย่างชัดเจน ซึ่งนานๆทีเราจะได้เห็นกัน เราก็ใช้เวลานั่งเล่น ถ่ายภาพ ฟังเพลงได้ซัก 1 ชั่วโมงเราก็พักผ่อนเพื่อเตรียมดูพระอาทิตย์ขึ้นในวัน ถัดไป

ในวันถัดไปเราได้ตื่นมาประมาณตี 5 กว่า ซึ่งฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว แต่พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่พ้นภูเขา อากาศช่วงเช้านั้นมีอุณหภูมิเพียง 13 องศา เราจึงหยิบผ้าพันคอและเสื้อแจ็กเก็ตและเดินออกไป โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเพื่อเดินไปถึงขอบหน้าผา ยังไงพวกผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนใส่รองเท้า Trekking มาจะดีกว่า หรือนำรถออกมาแล้วขับ Off-Road เพื่อไปบริเวณหน้าผา แต่ยังไงพยายามขับช้าๆ เพื่อความแน่ใจ ว่าจะไม่ขับเลยถนนจนตกลงไป เมื่อมาถึงหน้าผา เราทั้งหมดต้องยอทมรับว่าบรรยากาศ ณ จุดนี้สวยงามและยิ่งใหญ่มาก พวกเรานั้นเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆคนหนึ่งเมื่อเทียบกับขนาดของ Grand Canyon และแน่นอนเมื่อพวกเรามาถึงจุดนี้เราก็พยายามที่จะมองลงไป และไปยืนในจุดที่เกือบจะสุดขอบผา

ในระหว่างการเดินทาง เราจะเจอกับสัตว์ชนิดนึงอยู่เสมอ เหมือนเจอหมาในบ้านเรา ซึ่งที่นี่เรามักจะพบกับแพะในเกือบจะทุกที่

เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ แล้วเราก็กลับไปทานอาหารเช้าและเก็บของเพื่อเดินทางต่อไป เมื่อออกจาก Resort แล้วเราก็ขับรถเที่ยวชมแถวนี้อีกซักนิด โดยขับไปจนถึงหมู่บ้านที่เป็นจุดเริ่ทต้นของ Balcony Walk ซึ่งถ้าใครชอบการ Trek ก็ไม่ควรพลาด โดย Trek นี้จุดหมายปลายทางเป็นหมู่บ้านเก่าอยู่บนหน้าผา หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า Sap Bani Khamis และใช้เวลาในการเดินไปกลับ 5 ชั่วโมง แต่พวกเราไม่ได้ Trek เรามาถ่ายภาพตรงนี้ซักพักแล้วก็เดินทางไปจุดหมายต่อไปของเราซึ่งก็คือ ถ้ำ Al Hoota